ภาวะโลกร้อน!! ปุ๋ยอินทรีย์ช่วยได้

1048 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาวะโลกร้อน เอสทีโกลบอลกรีน

    เกษตรที่ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้สารเคมีปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช ยาฆ่าเชื้อรา โดยไม่ได้นึกถึงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชในดิน ทำให้ดินที่เคยอุดมสมบูรณ์ กลับเสื่อมสภาพลง มีผลทำให้เกิดปัญหาดินเสีย ต่างๆตามมา โดยเฉพาะดินแน่น หน้าดินแข็ง ทำให้การระบายน้ำและอากาศได้ไม่ดี ดินมีความเป็นกรดจัด และมีค่า pH ต่ำ ซึ่งเป็นที่มาของโรคพืชในดินต่างๆ อีกทั้งอินทรียวัตถุ และฮิวมัส ที่มีประโยชน์ในดินก็ลดน้อยลง หรือแทบจะหมดไป

     การใช้ปุ๋ยเคมี ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ สู่บรรยากาศ ก๊าซนี้จะทำลายชั้นโอโซน ซึ่งช่วยทำหน้าที่ดูดซับ และกรองคลื่นแสงอินฟาเรดเอาไว้ เมื่อชั้นโอโซนลดลง รังสีจากดวงอาทิตย์ที่แผ่มายังโลกก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น เกิดภาวะเรือนกระจก และความผันผวนของภูมิอากาศ เกิดวิกฤตการณ์โลกร้อน ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

     โลกกำลังเผชิญภัยจากภาวะโลกร้อน แถมช่วงนี้ประเทศไทยก็ถูกซ้ำเติมจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่จะทำให้ฝนลดลงและฝนทิ้งช่วงจนสร้างเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะนอกเขตชลประทานจะเกิดภาวะขาดน้ำและอากาศที่ร้อนจัดจะทำให้พืชขาดน้ำหรือถูกเผาด้วยความร้อนจนแห้งตายเกษตรกรจึงควรเตรียมหาแนวทางป้องกันไว้ เช่น สำรองแหล่งน้ำไว้ และเลือกปลูกพืชที่ทนร้อนทนแล้งและใช้น้ำน้อย อีกแนวทางหนึ่งที่เราขอแนะนำคือ การใช้อินทรีย์วัตถุมาใส่ในดินหรือปกคลุมดินเพื่อลดการระเหยของน้ำ ดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงจะช่วยอนุรักษ์น้ำ และช่วยบรรเทาความร้อนจากผิวดินให้ลดลง อินทรีย์วัตถุยังช่วยทำให้ดินร่วนซุย ช่วยรากพืชให้เจริญแผ่กระจายได้กว้างและลึกมากขึ้น ช่วยเพิ่มความสามารถในการหาน้ำใต้ดินได้ดีกว่าปกติ นี่อาจพอช่วยให้ผยุงชีวิตให้พืชทนทานนานขึ้นได้ระดับหนึ่งและรอฝนตกมาช่วยได้

      ยกตัวอย่างเช่นต้นทุเรียน 6 ปี ใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ตราแมวตาเพชร มาโดยตลอด ราก-ต้น-ใบ สมบูรณ์ ดินก็ดี มีใส้เดือนให้เห็น สำหรับทุเรียนซึ่งเป็นพืชที่ระบบรากอ่อนแอ แต่ต้องการน้ำและปุ๋ยมาก และต้นพันธุ์ทุเรียนซึ่งเกษตรกรซื้อเป็นถุงมาปลูกก็มักไม่มีรากแก้ว(ตัดทิ้งไปแล้ว) จึงต้องปลูกพรวนดินตั้งโคกสูงเพื่อให้ดินร่วน น้ำไม่ขังแต่ยังต้องมีระบบท่อน้ำช่วย เพราะมีรากไม่พอดูดน้ำจากธรรมชาติ เราจึงต้องสร้างให้รากแขนงให้เกิดมากพอ และปุ๋ยอินทรีย์ก็เหมาะสมที่สุดที่สร้างรากทุเรียนในวัยอ่อน(1-4ปี) การใช้ปุ๋ยเคมีมากไปจะทำให้ดินเค็มรากจะเสียหายและเกิดรากแขนงรากฝอยได้น้อย

     การปลูกพืชยืนต้น เช่น ไม้ผล ยาง ปาล์ม ซึ่งเราไม่สามารถช่วยพรวนดินได้ทุกปีเหมือนพืชล้มลุก ฉะนั้นดินจะกดแน่นขึ้นๆ ทำให้การแทงราก และซึมผ่านของน้ำและปุ๋ยยากขึ้น การใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ตราแมวตาเพชร บ่อยๆยังถือเป็นการพรวนดินแบบอัตโนมัติโดยจุลินทรีย์และใส้เดือนที่มากินย่อยอินทรีย์วัตถุ ทำให้ดินเกิดรูพรุนและดินจะอุดมสมบูรณ์อยู่ตลอดด้วย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้